วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เริ่มวิ่งใหม่อีกครั้ง มันยากนะ!!

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือความสำเร็จ

ถ้าถามอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ว่า มีอะไรไหมที่สามารถเอาชนะแสงได้  แกจะตอบว่า "ไม่มีหรอก"

เช่นเดียวกัน ถ้าถามนักวิ่งสายขึ้เกรียจอย่างพวกเราว่า มีอะไรไหม ที่สามารถเอาชนะความขี้เกียจได้พวกเราก็จะตอบว่า "ไม่มีหรอก" เช่นกัน
ยิ่งเมื่อเราทำเป้าหมายสำเร็จ ก็เหมือนเราตกลงมาใน Comfort Zone ของตัวเราเอง มีแต่คนยินดี มีแต่คนชื่นชม ขนาดนอนยังเก็บเอาไปฝันเลย 

แต่จริงๆ แล้วมันคือ กับดักที่น่ากลัวที่สุด


(2015 albert einstein)

Source: http://img0.mxstatic.com/wallpapers/e48cbce976d36de2eaed51a810838fbe_large.jpeg
หยุดวิ่งไปนานมาก ถึงเวลาที่ต้องเริ่มต้นใหม่

หลังจากวิ่งที่งาน Seattle Marathon เสร็จ นี่ก็ผ่านมาร่วมๆ 3 อาทิตย์กว่าแล้ว อย่างว่าละครับ เมื่อวิ่งเสร็จ เป้าหมายสำเร็จ ความขึ้เกียจก็เข้ามาแทนที่ นอกจากนี้ อาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นอาทิตย์แห่งการสอบปลายภาค ซึ่งทั้งมีทั้งกำหนดส่งรายงาน สอนพิเศษ 

ดังนั้น ผมจึงขอสารภาพแบบแมนๆ ว่าผมแทบจะไม่ได้วิ่งเลย เป้าหมายที่เคยตั้งเอาไว้หลังจากวิ่งเสร็จก็เริ่มเลือนลาง ทบทวนเป้าหมายแล้วทบทวนอีก ยืดเป้าหมายออกไปแล้ว ยืดออกไปอีก

ในที่สุด มันก็ถึงเวลาที่ต้องออกมาจากหลุมดำแห่งความสำเร็จอีกครั้ง ฮ่า ฮ่า ฮ่า
"สึส"

กลับมาอีกครังที่ university of Illinois at Urbana Champaign

ตามธรรมดาที่เมื่อสอบเสร็จ ก็ต้องไปหา... คนรัก ซึ่งเมืองที่ผมจะมาเริ่มต้นใหม่นี้ ผมมาประมาณ 4-5 รอบแล้ว เดินมาจนครบแทบจะทุกซอกทุกมุม และผมก็เคยเขียนถึงไปแล้วอีกด้วย นั่นก็คือเมือง Urbana-Champaign


(2015 Urbana-Champaign) มาที่นี่รอบที่ 1 ล้าน TT

เอลนิญโญ่


ปกติ ที่เมืองแห่งนี้ ในฤดูหนาวประมาณเดือน พฤศจิกายน ถึงเดือนกุมภาพันธ์ อากาศจะหนาวมาก ปีที่แล้วอุณหภูมิถึงขั้นติดลบ 20 ถึง 30 องศาเซลเซียล นอกจากนี้ยังมีหิมะตกอย่างหนัก หนาขนาดที่ว่ารถวิ่งไม่ได้ ต้องเอาน้ำร้อนมาละลาย เลยทีเดียว


แต่ปีนี้ ผมมาถึงเมืองแห่งนี้ในเดือนธันวาคม แต่ ในปีนี้ (ปี 2016) ประเทศอเมริกาเกิดปรากฎการณ์เอลนิลโญ่ ทำให้อากาศที่ควรจะหนาวมากกลับไม่หนาว หิมะที่ควรจะตกก็ไม่ตก สรุปง่ายๆ ตอนนี้ อากาศกำลังดีมากๆ (-1 ถึงประมาณ 10 องศาเซลเซียล)

อากาศคงเป็นใจให้ผมเริ่มวิ่ง อีกครั้ง
โคดเข้าข้างตัวเอง

(2016 Urbana-Champaign) เริ่มวิ่งอีกครั้ง

เริ่มวิ่ง สิครับ รออะไร


ผมวิ่งไปตามเส้นทางเดิมจากที่วิ่งเมื่อ 4 เดือนก่อน (ก่อนผมกลับไป Seattle) จะต่างก็เพียง บรรยากาศข้างทาง จากในช่วงฤดูร้อนที่ต้นไม้ เขียวขจี กลับเป็นต้นไม่ที่ไม่มีใบเลย รวมทั้ง จำนวนคนที่มาเดินเดิน วิ่งเล่นก็ลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด  


ส่วนแฟนที่น่ารักก็ปั่นจักรยานไล่กวดตามเดิม

อะไร อะไร ก็ไม่พร้อม

แค่วิ่ง 3 กิโลเมตร ก็หอบมากแล้ว จากปกติที่ซ้อมมากกว่า 20 กิโลเมตร เป็นประจำ  นอกจากนี้ แค่วิ่งไปนิดๆ หน่อยๆ ก็ปวดเมื่อย เมื่อขา เมื่อยเข่า จะเป็นจะตาย กลับกลายไปเป็นนักวิ่งมือใหม่อีกครั้ง

ฮ่า ฮ่า ฮ่า 
หัวเราะให้กับความกระจอกของตัวเอง

รองเท้าก็เอากับเขาด้วย

รองเท้าวิ่งประจำกายของผมคือ Asics Nimbus 17 เพื่อนๆ บอกว่าเป็นรองเท้าที่ดีมาก แต่สำหรับผมองเท้าคู่นี้เป็นเหมือนม้าผยศ มันเป็นตัว Top ของ Asics แต่ใส่แล้วผมกลับเจ็บฝ่าเม้ามากๆ ตั้งแต่ตอนที่เข้าร่วมวิ่งมาราทอน ซึ่งตอนนี้ก็ยังคงเจ็บอยู่ 

ผมเคยเชื่อว่า มันแค่จะยังไม่เข้ากับเท้าเท่าไหร่ เนื่องจากเป็นรองเท้าใหม่ แต่วันนี้มันกลับมาทำร้ายผมอีกครั้ง 

แต่ผมยังคงเชื่อมั่นในรองเท้าคู่นี้อยู่นะ (แพงน่ะว่อยยย ไม่อยากซื้อใหม่)


(2015 Asics Nimbus 19) 
Source: http://www.zappos.com/images/z/2/9/9/6/7/2/2996723-p-2x.jpg

สุดท้ายผมก็ต้องหยุดวิ่งที่ประมาณ 5 กิโลเมตร
พรุ่งนี้เอาใหม่ เราจะไม่ยอมแพ้ อิอิ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น