ความสูงที่เกือบถึงฟ้า หากร่างกายไม่พร้อม อย่าลุยเด็ดขาด "อย่าทำร้ายตัวเอง" พักผ่อนให้เพียงพอ กินข้าวให้อิ่ม หากเกิดอาการผิดปกติอย่าฝืนวิ่งต่อไป เพราะมันอาจจะทำให้เกิดอัตรายบางครั้งอาจถึงแก่ชีวิตได้ อย่างเช่น เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวเมืองที่สู่งติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก หรือเมือง Cusco ประเทศเปรู
ผมเริ่มเดินทางจาก Washington DC ใช้เวลา 5 ชั่วโมงเพื่อบินมาต่อเครื่องที่ประเทศปานามา จากประเทศปานามาผมเดินทางต่อทันที โดยใช้เวลาอีก 5 ชั่วโมงจนมาถึงเมือง Lima ไม่หนำใจ ผมรอต่อเครื่องอีก 5 ชั่วโมงใน gate จากนั้นบินต่ออีก 1 ชั่วโมง มายังเมือง Cusco ประเทศเปรู ถามว่าทำไมต้องมาที่เมืองนี้ ง่ายๆ ครับ เมืองนี้เป็นเมืองหลวงเก่าของชาวอินคา ใครจะไป มาชูปิชู ต้องมาเริ่มที่นี้เท่านั้น
ท่านที่เป็นนักเดินทางคนจะเข้าใจ การนั่งเครื่องบิน Low cost ชั้น Economy นั้นหลับยากมาก และอาหารการกินก็ไม่ได้อิ่มสบาย มันเป็นการเดินทางที่เน้นการเดินทางจริงๆ แบบอย่าได้คาดหวังความสะดวกสบายเลย นอกจากนี้การนอนที่สนามบินระหว่างต่อเครื่องก็ไม่ใช่ว่าจะหลับง่ายๆ ยิ่งสนามบินในเมืองหลวงที่มีคนเดินไปมาพลุกพล่านแล้ว ยิ่งหลับไม่ลงเลย เท่ากับว่าการเดินทางครั้งนี้ผมแทบไม่ได้นอน อาหารก็แทบไม่ได้กิน
การไปเที่ยวเมือง Cusco ต้องระวัง อาการ High Altitude sickness อาการ เมื่อเราขึ้นไปบนที่สูงมากๆ จะเกิดอาการปวดหัว คลื่นไส้ และบางครั้งจะเกิดอาการหน้ามืด ยิ่งเมืองนี้ ติดอันดับเมืองที่สูงที่สุดในโลก โดยสูงประมาณ 3,500 เมตร หรือ มากกว่า 11,000 ฟุต จากระดับน้ำทะเล หากเปรียบเทียบกับดอยอินทนนน์ ซึ่งสูงประมาณ 2,500 เมตร ก็เหมือนพ่อยืนคู่กับลูกเลยแหละครับ
ผมมาถึงเมือง Cuzco ตอนนั้นประมาณ 8 โมงเช้าครับ มันเป็นการเดินทางที่เหนื่อยและหิวมากครับบอกตรงๆ ทันทีที่ถึงสนามบิน พวกเราต่อ Taxi ไปยังที่พัก จากนั้น ด้วยความบ้า ผมออกไปวื่งทันที
วิ่งไปยังไม่ถึง 1 กิโลเมตร อาการแปลกๆ ก็เริ่มเกิดขึ้นคือ เริ่มเหนื่อย ทั้งๆที่ปกติซ้อมประมาณ 10 กิโลเมตร หายใจเร็วขึ้นมาก หัวใจเต้นเร็ว และปวดหัวมาก ดังนั้นผมจึงต้องเดิน วิ่งต่อไปสักพัก อาการปวดหัว เริ่มแรงขึ้น ตอนนี้เริ่มปวดท้องด้วยแล้ว
เผมต้องยอมรับสภาพ มันไม่ไหวจริงๆ ผมเริ่มหายใจแบบเหนื่อยๆ หมดแรงมากๆ ถ้ายังเดินต่อไปอีกผมคงเป็นลมแน่ๆ ผมคงต้องรีบกลับโรงแรมทันที ระหว่างทางที่เดินกลับเหมือนจะขาดใจเลยครับ อากาศค่อนข้างเย็น แต่แสงแดดค่อนข้างจ้า ทรมาณมากๆ จากที่ขามาผมว่ามันสวยมาก แต่ ณ ตอนนี้ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น กลับโรงแรมให้เร็วที่สุด
ในที่สุดก็ลากสังขารกลับมาถึงโรงแรมจนได้ ผมต้องประคองตัวเองกับราวบันได้ ตะเกียดตะกายจนถึงห้อง ผมนั่งบนเตียง ตอนนั้นผมหน้ามืดมากครับ จักพักมันวูดไปเลย ไม่ไหวครับ ท้าท้าธรรมชาติไม่ไหว จากนั้นก็หลับไปแบบไม่รู้สึกตัว เอาจริงคงเรียกว่า สลบ ไปเลยแหละครับ
ดังนั้น สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือ อย่าฝืนร่างการตัวเอง หากไปยังเมืองอื่นที่ไม่เคยวิ่งมาก่อน ลองเดินสำรวจดูก่อน อย่าเพิ่งรีบวิ่งเกินไปครับ อาจจะเกิดอันตรายได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น