Summary Note
Running event: Tacoma city Marathon
Website: http://www.tacomacitymarathon.com/
Date: May 1, 2016
Distant: Marathon
Package: T-shirt, medal, and a bag of junks, bib with chip
Cost: $80-$150
City: Tacoma, WA, USA
Highlight: Great views!!!! (This is the best view, I have ever seen), great medal
Rating: 4.99/ 5 stars
---
บทนำ
ก่อนอื่นเลย Tacoma marathon ไม่ใช่เป้าหมายแรกที่ผมเลือก เนื่องจาก เสาร์-อาทิตย์นี้ (30 เมษายน และ 1 พฤษภาคม 2016) ที่ประเทศอเมริกาและแคนาดา มีการจัดงานวิ่งที่น่าสนใจจำนวนมาก อาทิ Vancouver marathon ประเทศแคนนาดา ซึ่งเป็นสถานที่วิ่งที่สวยงามติดอันดับโลก และ Champaign marathon งานนี้ เป็นงานที่ผมตั้งไว้ว่าจะไปวิ่งกับแฟนของผม
แต่สุดท้าย ผมก็เลือก Tacoma marathon แบบงงๆ เหตุผลหลักๆ นะเหรอ มันไปง่ายสุด เดินทางสะดวกสุดนั่นเอง
|
Source: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhbe3bQrilg4-xJpTRVcXV1L3a5Ho2p_lN02FK9VKQxVo8T1BVpihUjKoNu0lF9t4BTKJqJRVaCnTQC8rLMoCny6SLj0yQ5GRDler1d-NUF8jyY-u1vbksK_KrxMxdFJlcLGdX5PYolEERj/s1600/toplogo.jpg |
เกริ่นมาขนาดนี้ เพื่อนๆ อาจจะคิดว่า Tacoma marathon มีสักศรีด้อยกว่างานต่างๆ ที่ผม กล่าวมา แต่ไม่ใช่ครับ Tacoma marathon ติดอันดับ 1 ใน 10 งานวิ่งมาราธอนที่เป็นเมืองเล็ก จากเวปไซต์ Runner world ดังนั้น ผมจึงไม่เสียดายที่จะตัดตัวเลือกอื่นๆ มากนัก
|
http://www.wandering101photography.com/Photography/Panorama/i-ZTPXPJM/1/X2/Panorama%20from%20Tacoma%20General%20Hospital-X2.jpg |
ค่าสมัคร
เนื่องจากเป็นงานวิ่งที่ผมได้ เล็งเอาไว้เป็นเวลาค่อนข้างนาน และคิดว่ายังไงต้องไปวิ่งแน่ๆ ดังนั้น การสมัครล่วงหน้าข้ามปี จึงทำให้ผมจ่ายค่าสมัครลดลงไปเยอะ กล่าวคือ ผมจ่ายแค่ เกือบๆ $100 แต่หากสมัครก่อนวันแข๋ง ผมต้องจ่ายค่าสมัครราวๆ $150 แม้ว่าจะถูกลงไปเยอะ แต่ก็ถือว่าค่าสมัครค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับงานวิ่งที่ไทย แต่ถ้าหากเทียบกับงานวิ่งที่อเมริกาแล้วถือว่าปกติครับ
เมื่อจ่ายค่าสมัคร $100 ผู้สมัครจะได้รับ Bib ทีมี Chip จับเวลาทุกคน รวมถึงเสื้อวิ่ง ผมว่าสวยนะ และเนื้อผ้าก็ค่อนข้างดีทีเดียว นอกจากนี้ นักวิ่งจะได้ถุงยังชีพ ที่ในถึงเต็มไปด้วยโฆษณา ดังนั้น เมื่อได้ถุงดังกล่าว ผมหยิบแต่ขนมออกมา (มีประมาณ 2-3 ถุง) จากนั้นก็ทิ้งถุงนั้นวันที่ผมได้รับทันที
การเดินทาง และที่พัก
ผมอาศัยอยู่ในเมือง Seattle รัฐ Washington เมืองที่ผมอาศัยอยู่ อยู่ทางทิศเหนือของเมือง Tacoma หากขับรถจาก Seattle ไปยังเมือง Tacoma จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง กว่าๆ แต่ถ้านั่งรถเมล์ ก็กินเวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ครับ แม้ว่า การเดินทางจาก Seattle ไป Tacoma โดยรถเมล์ ค่อนข้างสะดวก แต่เนื่องจากงานวิ่งเป็นวันอาทิตย์ และเริ่มออกวิ่งประมาณ 7.00น ผมจึงจำเป็นต้องมาค้างคืนที่ Tacoma เป็นเวลา 1 คืน
|
(Tacoma 2016) Tacoma อยู่ที่ไหน |
เมืองนี้ ถือเป็นเมืองเล็กหากลองเปรียบเทียบกับเมืองใหญ่ในแถบ West กล่าวคือ Tacoma มีประชากรแค่ 1 ใน 3 ของเมืองเมือง Seattle เอาง่ายๆ ครับถ้าเพื่อนๆ เดินออกมาจากบ้านราวๆ 2 ทุ่ม เพื่อนๆ จะรู้สึกเหมือนกับว่า เห้นนี่เราอยู่ในเมืองร้างนี่หว่า อารมณ์คนละอย่างกับอยู่กรุงเทพเลย ที่แม้จะออกมาตอนตี 2 ก็ยังมีร้านอาหารเปิด ดังนั้น เมื่อผมเดินทางมา ถึง Tacoma ผมจึงต้องรีบตุ้นอาหาร (Subway) เอาไว้กินในวันวิ่ง
เนื่องจาก Tacoma เป็นเมืองเล็ก การจะหา Hostel ราคาถูกนั้น ค่อนข้างจะยาก ดังนั้น ผมแนะนำให้จองห้องพักกับ Aribnb เพราะมีห้องให้เลือกเยอะกว่า และสามารถหาห้องได้ใกล้กับจุดรับส่งกว่าพักโรงแรม (ในราคาที่เท่าๆ กัน) สำหรับผม ผมได้ห้องพักในราคาประมาณ $50 เหรียญ ห้องถือว่ากว้าง และเจ้าของถือว่าบริการได้ดีมากๆ ทีเดียว
รถ Shuttle
ผู้จัดงาน ได้เตรียมรถ Shuttle เอาไว้บริการตั้งแต่เวลา 4:30-6:00น ดังนั้น ผมจึงออกจากบ้าน ประมาณ 4:30น เพื่อหวังว่าจะไปถึงก่อนว่า จะได้ดูบรรยากาศ สนทนากับนักวิ่งคนอื่นๆ บ้าง จากห้องพักที่ผมพัก เดินไปจุดบริการรถ Shuttle ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ถือว่าไม่ไกลมากครับ การเดินบนถนนในช่วงเช้ามืดนั้น ผมก็แอบกลัวๆ อยู่บ้าง เพราะไม่ค่อยเจอผู้คนเดินเลย เพื่อความสบายใจ ผมจึงกด 911 เตรียมไว้ตลอดเผื่อเห็นใครที่ไม่น่าไว้ใจเดินผ่านมา ผมจะได้กดโทรได้ทันที
|
(2016 Tacoma) นี่แหละครับ รถ Shuttle ในตำนาน |
ผมเดินผ่านย่านที่พักอาศัย และใจกลางเมืองย่านธุรกิจ จนมาถึง Tacoma Art museum ซึ่งเป็นจุดบริการ Shuttle เมื่อเดินใกล้ๆ ผมเริ่มเห็นนักวิ่งคนอื่นๆ ทยอยๆ กันมาไม่ขาดสาย และในที่สุดผมก็มาถึงเจ้ารถ Shuttle ผมขอตั้งชื่อมันว่า รถ Shuttle ในตำนาน! เพราะอะไรนะเหรอ เพราะผู้จัดใช้รถรับส่งนักเรียนคันสีเหลืองๆ ที่เราเห็นในหนังฝรั่งนั้นแหละครับ ไม่ได้ไม่ชอบนะ แค่ตะลึงเล็กน้อย อย่างหนึ่งที่ผมต้องขอชมเลย ผมเชื่อว่าไม่ว่านักวิ่งจะมาเยอะขนาดไหนก็ตาม ทุกๆ คนสามารถขึ้นรถ Shuttle ได้หมด เพราะผู้จัดได้เตรียมรถเอาไว้หลายสิบคัน เอาเป็นว่าจอดเรียงกันจนผมมองไม่เห็นปลายแถว
จุด Start
ผู้จัดงาน Tacoma marathon เลือกที่จะใช้จะเริ่มต้นกับจุดสิ้นสุดเป็นคนละจุดกัน ไม่มีการวนลูป ผมว่าผมจะเคยร่วมงาน 5K หรือ Half-Marathon มาก่อน ทุกครั้งจุดเริ่มต้นและเส้นชัยจะเป็นจุดเกียวกัน ดังนั้น งานนี้ถือเป็นงานแรกที่ต้องนั่ง Shuttle ไป
|
https://millionweaver.files.wordpress.com/2014/05/2014tacomaracemap.jpg?w=350&h=200&crop=1
ที่จริงรูปนี้เป็นรูปของปี 2014 แต่เส้นทางวิ่งเหมือนเดิมครับ |
ผมขึ้นรถ Shuttle ได้ประมาณ 5 นาที รถก็ออกครับ รถขับผ่านใจกลางเมือง ออกนอกเมือง ขึ้นทางด่วน ความรู้จึกตอนนั้น แม้ว่ารถจะขับเร็วพอสมควร แต่ผมอยู่บนรถ Shuttle ประมาณ 20 นาที เห็นจะได้ครับ รู้สึกว่าจุด Start อยู่ห่างออกไปพอสมควรเลยทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น จุด Start มันทำให้ผมอึ้งไปเล็กน้อย เพราะจุด Start อยู่ในสนามบินครับ บน runway ของสนามบินที่ชื่อว่า Narrow Airport แม้จะไม่ใช่สนามบินที่เป็นสนามบินหลัก หรือมีเครื่องบินพาณิชย์ขนาดใหญ่ขึ้นลง แต่จากการที่ผมไปอยู่ตรงนั้น ผมบอกได้เลยว่า มีเครื่องบินขึ้นลงตลอด (ข้างๆ Runway ที่ใช้สำหรับปล่อยตัวนั่นแหละครับ) ว่าแล้ว ผมจึงขออนุญาติถ่ายรูปกับเครื่องบินเป็นที่ระลึกสักหน่อย
|
(2016 Tacoma) จุดปล่อยตัว |
ที่จุด Start ก็มีอาหารแจกครับ แต่อย่าคิดว่ามันจะอุดมสมบูรณ์แบบงานวิ่งที่ไทยนะครับ เพราะที่นี่มีให้แค่กาอแฟ กับขนมปังเท่านั้น ก็ยังดีครับ ดีกว่าไม่มีอะไรกิน แหะ แหะ ยิ่งเช้าๆ อากาศค่อนข้างหน้าวด้วย (ประมาณ 7-8 องศา) กินกาแฟร้อนๆ มันก็ฟินดี
ผมยืนตากลมหนาวอยู่ 2 ชั่วโมงครั้ง ในใจก็ภาวนาในถึงเวลาปล่อยตัววิ่งเร็วๆ เพราะมันหนาวจริงๆ จนในที่สุดพิธีกรก็เริ่มเรียกนักวิ่งมารวมกันเพื่อทำการปล่อยตัวครับ
|
(2016 Tacoma) จุด Start |
วิ่งสิครับ รออะไร
เมือสัญญาณปล่อยตัวดังขึ้น นักวิ่งก็ทยอยออกวิ่ง โดยนั่งวิ่งที่จะวิ่งใน Pace เร็วออกวิ่งก่อน ไล่ไป ตั้งแต่พวกที่จะจบก่อน 3 ชั่วโมง จบ 3 ช้่วโมง ไล่ ไปจนถึงคนที่จะจบ 5 ชั่วโมง งานนี้ เป้าหมายของผมคือการวิ่งโดยไม่หยุด เพื่อความชัวร์ ผมเลยวิ่งตาม Pacer ที่ 4:45 ชั่วโมงครับ เอาจริงๆ นะครับ ผมซ้อมระยะมาราทอน 1-2 ครั้งเอง ก่อนมาวิ่งครั้งนี้
|
(2015 Tacoma) |
ทางวิ่งค่อนข้างสวยเลยทีเดียว เราเริ่มจากวิ่งออกจากสนามบิน ผ่านอุทยานแห่งหนึ่ง จากนั้นมาถึงจุด Highlight หนึ่งของงานวิ่งคือสะพานแขวนขนาดใหญ่ เป็นสะพานที่ผ่านทะเลสาบครับ ฉากหลังของ สะำานแขวนอันนี้ คือภูเขาไฟที่ชื่อว่า Mont rainier อารมณ์เหมือนกับภูเขาไฟฟูจินั่นแหละครับ จากเมืองนี้ สามารถเห็นภูเขาดังกล่าวได้เรียกว่าใกล้ๆ มากๆ เลยทีเดียว
จากนั้น เราวิ่งผ่านย่านเมืองเก่าของ Tacoma ทำไมผมถึงรู้นะเหรอ แหะ แหะ ก็ Pacer ที่วิ่งด้วยกันทำหน้าที่เป็น Tour guild นะสิครับ แกเล่าเรื่องของเมืองให้ผมฟังมากมาย จากนั้น เราวิ่งเข้าย่านชุมชนที่อยู่อาศัย ตรงนี้ถือว่าไม่มีอะไรเป็นพิเศษ (แต่จริงๆ บ้านเมืองเขาก็สวยนะ 555+)
ออกจากชุมชนก็เข้าสู่อุทยานอีกแห่งหนึ่ง ตรงนี้ ผมเคืองมากๆ เพราะทางวิ่งค่อนข้างชันมากๆ ผมจึงต้องชะลอๆ หน่อยๆ
จากนั้นเข้าสู่ Highlight อีกแันหนึ่งก็คือการวิ่งเรียบมหาสมุทรแปรซิฟิก อันนี้สวยมากครับ มันคนละฟิลกับชายหาดเมืองไทยนะ ถ้าถามว่าที่ไหนน่าเล่นน้ำมากกว่าก็ต้องตอบว่าชายหาดเมืองไทย ที่นี่มันจะเป็นอารมมีเรือยอช และเรือเดินสมุทรมาจอดมากกว่า
อีกด้วย ทางผู้วิ่งปิดการจราจรค่อนข้างดีครับ มีตำรวจรวมทั้งอาสาสมัครประจำทุกๆ แยก รวมถึงทางวิ่งมีกรวยกั้นตลอด แต่มีช่วงหนึ่ง ใน่ช่วงที่เข้าอุทยาน มันไม่มีกรวยกันถนน มีแต่เจ้าหน้าที่คอยโบกรถ
ของกิน
ประมาณทุกๆ 2-3 miles จะมีจุดบริการ ต้องบอกก่อนว่า อาหารการกิน ไม่ค่อยเวิคอย่างแรง โดยมีแค่บางจุดที่มีเจลพลังงาน และเกลือแร่ (หายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร) แถมรสชาติก็มีแค่ 2 รส คือรสวนิลา กับ กล้วยสตอเบอรี่ ร้องให้จริงๆ หลักๆ ก็มีแค่น้ำเปล่าแหละครับ ถ้าถามผม ผมว่าเรื่องนี้ควรต้องปรับปรุงที่สุด
ไมล์ แล้ว ไมล์ เล่า
ทุกๆ ไมล์ ที่เราผ่าน เพื่อนๆ นักวิ่งรวมถึงตัวผมเองด้วยจะตะโกนบอก “5th mile” “6th mile” …..”Half way” ผมยังคงวิ่งเกาะ Pacer ไม่ให้คาดสายตา โดยจากกลุ่มคนที่ตาม Pacer นี้ จำนวนมาก ก็ค่อยๆ ทยอยหายไปทีละคนๆ บางคนวิ่งเร็วขึ้น หลายๆ คนหันไปตาม Pacer ที่ช้าลง ไปๆ มาๆ เหลือผมคนเดียวที่ยังตาม Pacer ท่านนี้อยู่ เราคุยกันตลอดครับ แก่ก็ปรับการวิ่งให้เหมาะสมกับผมมากขึ้น (แต่ก็ยังคอยดูเวลาให้ทัน 4:45 ชั่วโมง นะครับ)
|
http://www.thenewstribune.com/news/local/8tazz5/picture75016872/ALTERNATES/FREE_640/tac_marathon_1
คือผมก็อยู่ในรูปนี้นะ คนขวามือสุดบังผมหมดเลย TT นี่แหละครับกลุ่มที่ผมเกาะมา |
ผมประทับใจ Pacer คนนี้มากๆ แก ให้ความรู้ผมเกี่ยวกับการวิ่ง ให้กำลังใจผม (เพราะผมบอกแกว่างานนี้จะเป็นงานแรกที่ผมวิ่งโดยที่ไม่หยุดให้ได้)
ผมเริ่มหมดแบบจริงๆ ก็ตอน 3 ไมล์สุดท้าย แบบขาก็เกือบจะเป็นตะคิว แขนก็แกว่งจนปวด หายใจเริ่มเร็วขึ้น ผมจำเป็นต้องชะลอความเร็วลงมากๆ จนเกือบจะเดิน แต่ก็นะ ผมก็ไม่เดิน คือมันก็น่าเจ็บใจนะครับ เกือบทำสำเร็จแล้ว แต่ถ้ามาพลาดตอนสุดท้าย ตอนนั้นผมตัดสินใจกัดฟันแบบจริงๆ ตอนนั้นแบบ ตายก็ตาย (แต่ยังไงก็ไม่ตายหรอก จากการเรียนชีวะมา ที่จะตายคือใจตัวเองมากกว่า)
ร่างกายคนเรา มันแข็งแกร่งกว่าที่เราคิดนะ ที่เหมือนมันจะหยุด มันก็ไม่หยุด มันเหมือนจะเจ็บมันก็ไม่เจ็บ ถ้าไม่ยอมแฟ้มันก็ไปได้อยู่ (แม้ผมจะปรับท่าวิ่งบ้างก็ตาม)
เส้นชัยที่ใกล้เข้ามา
โค้งสุดท้าย ก่อนเข้าเส้นชัย Pacer ตะโกนขึ้นมาว่า “Turn right, finish line is over there” จังหวะนั้น ผมเร่งความเร็วขึ้นอีก เป็นความเร็วที่เรียกว่าเฮือกสุดท้ายจริงๆ จนในที่สุดผมก็เข้าเส้นชัยด้วยเวลาประมาณ 4:45 ชั่วโมง ที่จริงมันเกินมานิดๆ หลักวินาที แต่ผมก็เข้าก่อน Pacer ถือว่าผมทำตามเป้ามหายสำเร็จแล้ว
มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกนะ ขอใช้คำว่า “เห้ย” แทนด้วย เห้ย เราทำได้แล้วจริงๆ หรือว่ะ และอีกความหมายหนึ่งก็คือ เห้ย จบแล้วหรือว่ะ กรูกำลังสนุกมากๆ มีความสุขมากๆ เลย
ผมรับเหรียญที่ระลึกของงานวิ่ง เพื่อนลองดูครับว่ามันสวยขนาดไหน และเพื่อนๆ ลองจินตนาการตามผมครับ ผมวิ่งมาด้วยกำลังใจเฮือกสุดท้ายแล้วผมได้รับเหรียญอันนี้ ผมจะมีความรู้สึกที่ดีขนาดไหน ตอนที่กำลังนั่งเขียนอยู่นี้คิดย้อนกลับไป เขียนไปผมก็ยิ้มไปตลอด :)
|
(2016 Tacoma) เหรียญ |
ปล.
ของกินหลังงาน ไม่มีอะไรน่าประทับใจครับ ผมกินแค่พิซซ่าไป 4 ชิ้น กับน้ำเปล่าหนึ่งขวดแค่นั้นเอง